กองทุนหลักประกันสุขภาพ สปสช คืออะไร ? ประโยชน์ที่ได้รับ 2565

กองทุนหลักประกันสุขภาพ สปสช คืออะไร ? ประโยชน์ที่ได้รับ 2565

กองทุนหลักประกันสุขภาพ สปสช คืออะไร ? เปิดเงื่อนไข เขตกทม อบต. ระดับท้องถิ่น รับเงินอุดหนุนในปี 2565 ล่าสุด เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รายงานการสร้างระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปี 2564 โดยมีการเบิกจ่ายงบ กองทุนหลักประกันสุขภาพ แห่งชาติ ให้กับผู้มีสิทธิจำนวน 47.74 ล้านคน และเร็ว ๆ นี้จะมีการพัฒนารูปแบบการเบิกจ่ายให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น การปรับเปลี่ยนของเทคโนโลยี รองรับการเกิดโรคอุบัติใหม่ที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้

กองทุนหลักประกันสุขภาพ (สปสช.) คืออะไร ?

กองทุนหลังประกันสุขภาพ คือ กองทุนสำหรับจัดกิจกรรมที่ดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับหารส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค และการฟื้นฟูฯ โดยจะเน้นไปที่เรื่องของสุขภาพเป็นหลัก โดยทั้งนี้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถมีส่วนร่วมในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 4 ด้าน คือ

การมีส่วนร่วม ในด้านนโยบาย หรือบริหาร

การมีส่วนร่วม ในด้านการเงินและงบประมาณ

การมีส่วนร่วม ในการจัดบริการสุขภาพในชุมชนและท้องถิ่น

การมีส่วนร่วม ในการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานบริการ

วัตถุประสงค์ของกองทุน

เพื่อสนับสนุน และส่งเสริมการจัดบริการสาธารณสุข ของหน่วยบริการ หรือสถานบริการ หรือหน่วยงาน สาธารณสุขในพื้นที่ โดยเน้นเรื่องการสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การฟื้นฟูสมรรถภาพ และการ รักษาพยาบาลระดับปฐมภูมิเชิงรุก

เพื่อสนับสนุนให้กลุ่มหรือองค์กรประชาชน หรือ หน่วยงานอื่น ในพื้นที่ ได้ดำเนินงานตามแผนงาน หรือ โครงการ หรือกิจกรรมเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ การ ป้องกันโรค ให้แก่สมาชิกหรือประชาชน

เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมกิจกรรมการสร้างเสริม สุขภาพ การป้องกันโรค การฟื้นฟูสมรรถภาพ และการ รักษาพยาบาลระดับปฐมภูมิเชิงรุก ของศูนย์เด็กเล็กหรือ ศูนย์ชื่ออื่นที่ดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับการพัฒนาและดูแลเด็ก เล็กในชุมชน หรือศูนย์พัฒนาและฟื้นฟูคุณภาพ

เพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการบริหารหรือพัฒนา กองทุนหลักประกันสุขภาพให้มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ต้องไม่ เกินร้อยละ ๑๕ ของเงินรายรับของกองทุนหลักประกัน สุขภาพในแต่ละปีงบประมาณนั้น

กรณีเกิดโรคระบาดหรือภัยพิบัติในพื้นที่ ให้ คณะกรรมการกองทุนพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินกองทุนเพื่อ สนับสนุนและส่งเสริมกิจกรรมในการป้องกันและแก้ไข ปัญหาสาธารณสุขได้ตามความจำเป็น เหมาะสม และทัน ต่อสถานการณ์ได้

ธอส. เผยผลการปล่อย สินเชื่อบ้าน ทะลุ 1 แสนล้านบาทแล้ว

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส. – GH Bank) ทำการเปิดเผยผลการปล่อย สินเชื่อบ้าน โดยล่าสุดทำไปเกิน 1 แสนล้านบาท ภายในเวลา 5 เดือนแล้ว

ธอส. สินเชื่อบ้าน – (27 พ.ค. 2565) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ปล่อยสินเชื่อใหม่ให้คนไทยมีบ้านได้แล้วจำนวน 100,000 ล้านบาท เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 26 พฤษภาคม 2565 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้เกิน 1 แสนล้านบาท ภายในระยะเวลาเพียงไม่ถึง 5 เดือนแรกของปี

ปัจจัยหลักจากสถานการณ์ COVID-19 เริ่มคลี่คลาย และสัญญาณการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่ได้รับผลบวกจากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ของรัฐ ส่งผลให้ประชาชนตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยง่ายขึ้น ทำให้มั่นใจว่า ณ สิ้นปี 2565 ธอส. จะสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ไม่ต่ำกว่า 280,000 ล้านบาท

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 26 พฤษภาคม 2565 ธอส. สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ให้คนไทยมีบ้านได้แล้วจำนวน 100,000 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกที่ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้เกิน 100,000 ล้านบาท ด้วยระยะเวลาเพียงไม่ถึง 5 เดือนแรกของปี และเป็นจำนวนที่สูงขึ้นถึง 21.17% หากเทียบกับ ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2564

สะท้อนการเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนนโยบายรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อทำหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนให้ได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ซึ่งการปล่อยสินเชื่อได้ในระดับสูงของธนาคาร ปัจจัยหลักมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น และตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจน เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล

ทั้งการลดค่าจดทะเบียนการโอนและจดจำนอง การผ่อนคลายมาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย และทิศทางอัตราดอกเบี้ยโลกมีแนวโน้มปรับสูงขึ้น ทำให้ประชาชนที่มีความพร้อมด้านรายได้ตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำตั้งแต่ช่วงต้นปี 2565 จนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ คาดว่า ณ สิ้นปี 2565 ธอส. จะสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ไม่ต่ำกว่าจำนวน 280,000 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 226,423 ล้านบาท

ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้ติดตามข้อมูลข่าวสารจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.mrta.co.th และเฟซบุ๊กแฟนเพจการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ Call Center รฟม. โทร. 027164044

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป