เนื้อจระเข้ โปรตีนทางเลือก กรมอนามัย แนะปรุงสุก ลดปนเปื้อนแบคทีเรีย

เนื้อจระเข้ โปรตีนทางเลือก กรมอนามัย แนะปรุงสุก ลดปนเปื้อนแบคทีเรีย

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผย เนื้อจระเข้โปรตีนทางเลือก มีคุณค่าทางอาหารใกล้เคียงเนื้อสัตว์ประเภทอื่น ให้พลังงานต่ำ ไขมันน้อย แนะทำความสะอาดเนื้อให้ถูกวิธี เน้นปรุงสุกก่อนกิน เลี่ยงการปนเปื้อนของแบคทีเรียได้วันนี้ 19 ม.ค. 65 นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย 

กล่าวว่า ในช่วงที่เนื้อหมูราคาเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคบางกลุ่มหันมาให้ความสนใจบริโภคเนื้อจระเข้ เพื่อเป็นแหล่งโปรตีนทางเลือกมากขึ้น ซึ่งเนื้อจระเข้ ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากการเพาะเลี้ยงจระเข้นั้นทำได้โดยไม่ต้องสัมผัสกับสารเคมีอันตราย แต่เนื่องจากจระเข้จัดอยู่ในประเภทสัตว์เลื้อยคลาน อาจมีแบคทีเรียปนเปื้อน เช่น เชื้อซัลโมเนลลา ทำให้เกิดโรค เช่น ไทฟอยด์ ท้องร่วง และความผิดปกติของระบบย่อยอาหาร จึงควรล้างมือ และอุปกรณ์ทุกครั้งก่อนแปรรูปเนื้อสัตว์ เพื่อหลีกเลี่ยงการปนเปื้อนของแบคทีเรีย และปรุงสุกในทุกเมนู งดการกินสุก ๆ ดิบ ๆ

“สำหรับการเลือกซื้อเนื้อจระเข้ที่มีขายตามท้องตลาด ควรเลือกเนื้อจากส่วนหาง (บ้องต้น) ถือเป็นส่วนที่ดีที่สุด เนื้อที่ดีควรสดมีสีทึบ ไม่มีกลิ่นเหม็น และควรเลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เมื่อต้องจัดเก็บ ควรเก็บในช่องแช่แข็งหรือตู้เย็น โดยตู้เย็นรักษาอุณหภูมิตั้งแต่ 5 ถึง 0 องศาเซลเซียส เก็บได้นาน 24 ชั่วโมง แต่ถ้าจัดเก็บที่อุณหภูมิ -4 ถึง 0 องศาเซลเซียส จะสามารถเก็บได้นานเพิ่มขึ้น หากต้องการเก็บไว้นานกว่านั้นควรช่องแช่แข็งอุณหภูมิตั้งแต่ -12 ถึง -8 องศาเซลเซียส เก็บรักษาได้ 2-4 เดือน ถ้าแช่แข็งตั้งแต่ -24 ถึง -18 องศาเซลเซียส เก็บรักษาได้ 10-12 เดือน การแช่แข็งผลิตภัณฑ์อย่างถูกต้อง เนื้อสดจะต้องถูกตัดเป็นส่วน ๆ ห่อด้วยกระดาษฟอยล์ฟิล์มยืดหรือกระดาษพาร์ชเมนท์ เนื้อห่อใส่ถุงแล้วนำไปแช่ตู้เย็น ไม่ควรล้างเนื้อสัตว์ก่อนนำไปแช่แข็งเพราะจะทำให้อายุการเก็บสั้นลง แต่หากต้องการ ยืดระยะเวลาออกไปหลายวัน ให้ห่อด้วยกระดาษพาร์ชเมนท์เคลือบด้วยน้ำมันพืช และเมื่อต้องการละลายเนื้อสัตว์นั้น ควรใช้วิธีธรรมชาติเพื่อคงสารอาหารไว้ หลีกเลี่ยงการละลายเนื้อในน้ำเดือดร้อน” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว

ทางด้าน ดร.แพทย์หญิงสายพิณ โชติวิเชียร ผู้อำนวยการสำนักโภชนาการ กล่าวเสริมว่า ด้านคุณค่าทางอาหาร เนื้อจระเข้มีพลังงานต่ำ ไขมันน้อย สามารถนำมาปรุงได้หลากหลายวิธี ตั้งแต่การต้ม เคี่ยวในน้ำซุป ไปจนถึงปิ้ง ย่าง ทอด และผัด การเลือกบริโภคเนื้อสัตว์เพื่อเป็นแหล่งโปรตีนผู้บริโภคควรเลือกบริโภคให้เหมาะกับตัวเอง เพราะเนื้อจระเข้กับสัตว์ประเภทอื่นนั้น มีคุณค่าทางโภชนาการ และราคาไม่แตกต่างกันมากนัก โดยเนื้อจระเข้ 100 กรัม มีพลังงาน 99 กิโลแคลอรี โปรตีน 21.5 กรัม ไขมัน 2.9 กรัม และโคเลสเตอรอล 65 มิลลิกรัม และเมื่อนำมาเปรียบเทียบ กับเนื้อสัตว์ประเภทอื่น ๆ ในปริมาณ 100 กรัม พบว่า 1) เนื้อหมู มีพลังงาน 107 กิโลแคลอรี โปรตีน 22.0 กรัม ไขมัน 2.0 กรัม และโคเลสเตอรอล 55 มิลลิกรัม 2) เนื้อไก่ มีพลังงาน 145 กิโลแคลอรี โปรตีน 22.2 กรัม ไขมัน 6.2 กรัม และโคเลสเตอรอล 62 มิลลิกรัม 3) เนื้อวัว มีพลังงาน 121 กิโลแคลอรี โปรตีน 21.2 กรัม ไขมัน 4.0 กรัม และโคเลสเตอรอล 51 มิลลิกรัม ดังนั้น ช่วงที่เนื้อหมูมีราคาแพงนั้น ผู้บริโภคอาจเลือกบริโภคอาหารที่เป็นแหล่งโปรตีนชนิดอื่น เช่น ปลา ไข่ ถั่วเมล็ดแห้งต่าง ๆ สับเปลี่ยนหมุนเวียนกัน และเพิ่มการบริโภคผัก ผลไม้หลากสี ดื่มนมเหมาะสมตามวัย เพื่อให้ได้รับอาหารครบหมู

ห้าว! คนในบ้านเผลอ หลานจับมอเตอร์ไซต์ ขี่เอง ชนระเนระนาด

เปิดคลิปกล้องวงจรปิด ห้าวเป้ง วัยกระเตาะ คนในบ้านเผลอ หลานคว้ามอเตอร์ไซต์ขี่เอง  สุดท้าย ชนกระถางต้นไม้ ล้มระเนระนาดวันนี้ 17 ม.ค. 65 เพจเฟซบุ๊ก “อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น part 2” โพสต์คลิปวีดีโอจากกล้องวงจรปิดบ้านหลังหนึ่ง พร้อมเตือนภัยพ่อแม่ผู้ปกครองทุกคน ถึงการปล่อยให้ลูกหลานคว้ามอเตอร์ไซต์ขับเอง

เหตุการณ์วีดีโอจับภาพเด็กชายคนหนึ่งเดินมาที่มอเตอร์ไซต์หน้าบ้าน ขึ้นคร่อมรถ แล้วสตาร์ททันที โดยที่ไม่มีผู้ปกครองอยู่ร่วมด้วยในบริเวณนั้นเลย ปรากฎว่าสตาร์ทรถติดไม่ถึง 5 วินาที รถพุ่งเข้าชนกระถางต้นไม้ริมกำแพงหน้าบ้านทันที โดยโพสต์ระบุรายละเอียดว่า

“#อุทาหรณ์ เตือนสติ พ่อแม่ ผปค. ควรดูแลลูกหลานของท่านและฝึกสอนการขับขี่ที่ถูกต้องให้ดี มิเช่นนั้นอาจเป็นเช่นนี้ ถถถ หลานกูมันแน่นอนจริงๆ  #ฟังและดูให้จบ5555555555555555”

หลังโพสต์นี้แพร่กระจายออกไป ชาวเน็ตบางส่วนต่างออกมาขำกับความห้าวเป้ง ของเด็กชายที่อยากขี่รถมอเตอร์ไซต์เป็นเร็วๆ แต่มีบางคอมเมนต์ที่ให้ความเห็นไว้น่าสนใจว่า

“ไม่งั้นกฏหมายไม่บังคับให้มีใบขับขี่หรอกครับ ปล.ช่วงให้เรียนออนไลน์ เด็กๆ ออกมาแว๊นกันมากขึ้นเยอะ”

มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล จัดตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ ด้วยวิธีการดำเนินงานเพื่อให้ผู้ถูกใช้ความรุนแรงในครอบครัวความรุนแรงทางเพศได้เข้าถึงสิทธิต่างๆ โดยมีช่องทางการร้องทุกข์ทางเบอร์โทรศัพท์ 02-513-2889 หรือทาง Facebook “มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล” ซึ่งมูลนิธิหญิงชายก้าวไกลมีอาสาสมัครทนายความให้คำปรึกษาทางด้านกฎหมาย มีนักสังคมสงเคราะห์ให้คำปรึกษาโดยเน้นการเสริมพลังให้กับผู้ประสบปัญหา และมีเครือข่ายกลไกภาครัฐที่จะให้ความช่วยเหลือ คุ้มครองเพื่อให้ผู้หญิงได้หลุดพ้นจากปัญหา อีกทั้งมูลนิธิยังมีการรณรงค์สื่อสารเพื่อให้สังคมเห็นปัญหาจากทัศนคติวิธีคิดแบบชายเป็นใหญ่ว่านำไปสู่การเกิดปัญหาความรุนแรงอย่างไร ซึ่งการแก้ไขปัญหาในระยะยาวนั้นจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาตั้งแต่ระดับทัศนคติและวิธีคิด โดยหวังว่าสังคมจะเกิดความเท่าเทียมทางเพศได้

Credit : iwamisoh.com jtrk57.net katetriano.net kichoudaikou.com lapidisrael.org levitravardenafilgeneric.net materterapia.net mentaltraining24.net meridiannet.net metropolisspasalon.net